การสูญเสียการได้ยินเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุและคนที่มีการสัมผัสกับเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในหลายด้าน ไม่เพียงแค่การสื่อสารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสภาพจิตใจและความสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วย
ในกรณีของผู้สูงอายุ การสูญเสียการได้ยินเกิดขึ้นเนื่องจากการเสื่อมสภาพของอวัยวะการได้ยินที่เป็นธรรมชาติของร่างกายตามอายุที่มากขึ้น กระบวนการนี้เรียกว่า “presbycusis” หรือการสูญเสียการได้ยินตามอายุ การเสื่อมของเซลล์รับเสียงในหูชั้นใน (cochlea) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การได้ยินลดลง โดยเฉพาะการได้ยินเสียงที่มีความถี่สูง เช่น เสียงของเด็กหรือเสียงนก
นอกจากนี้ การสัมผัสกับเสียงดังเป็นเวลานาน เช่น ในสถานที่ทำงานที่มีเครื่องจักรที่ส่งเสียงดัง หรือการฟังเพลงผ่านหูฟังที่มีเสียงดังเกินไป ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินอย่างถาวร เสียงดังที่เกิน 85 เดซิเบล (dB) ถือว่าเป็นอันตรายต่อหู หากต้องสัมผัสกับเสียงระดับนี้เป็นเวลานาน โอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อเซลล์ขนในหูชั้นในก็จะเพิ่มมากขึ้น
สิ่งสำคัญในการป้องกันการสูญเสียการได้ยินคือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเสียงดังอย่างไม่จำเป็น โดยการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียงในที่ทำงาน การใช้หูฟังที่มีระดับเสียงที่ปลอดภัย และการตรวจเช็คการได้ยินอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยง นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพทั่วไปยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาการได้ยินที่ดี เช่น การควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียการได้ยินในผู้สูงอายุ
ผลกระทบจากการสูญเสียการได้ยิน
การสูญเสียการได้ยินในผู้สูงอายุและผู้ที่สัมผัสกับเสียงดังเป็นเวลานานไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะต่อการรับรู้เสียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบทางด้านสังคมและจิตใจอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับผู้สูงอายุ การไม่ได้ยินเสียงชัดเจนสามารถทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยว หงุดหงิด และอาจนำไปสู่การเกิดภาวะซึมเศร้าได้ ความยากลำบากในการสื่อสารกับคนในครอบครัว เพื่อน และคนรอบข้าง ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมสังคมได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การไม่ได้ยินเสียงที่ชัดเจนยังทำให้การใช้ชีวิตประจำวันลำบากมากขึ้น เช่น การไม่ได้ยินเสียงเตือนต่าง ๆ หรือเสียงรถยนต์ที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้ ซึ่งสามารถเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของพวกเขาได้
สำหรับคนที่ยังทำงานอยู่และต้องสัมผัสกับเสียงดังเป็นเวลานาน การสูญเสียการได้ยินอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานอย่างชัดเจน พวกเขาอาจจะพลาดข้อมูลสำคัญที่ส่งผ่านทางเสียง ทำให้การติดต่อสื่อสารในที่ทำงานมีความคลาดเคลื่อนและเกิดความผิดพลาดในการปฏิบัติงานได้ ความสามารถในการฟังเสียงอย่างชัดเจนและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เช่น งานในโรงงานอุตสาหกรรม งานขนส่ง หรือแม้แต่งานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย
การสูญเสียการได้ยินยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลด้วย การไม่ได้ยินเสียงคู่สนทนาอย่างชัดเจนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในการสื่อสาร และหากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ความไม่เข้าใจก็อาจกลายเป็นความขัดแย้งได้ นอกจากนี้ การไม่ได้ยินเสียงของผู้อื่นยังทำให้คนที่มีปัญหาการได้ยินรู้สึกว่าตนเองถูกรังเกียจหรือถูกเมินเฉย ซึ่งสามารถทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดและไม่อยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมใด ๆ
สาเหตุของการสูญเสียการได้ยิน
สาเหตุหลักของการสูญเสียการได้ยินในผู้สูงอายุมาจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ขนในหูชั้นในซึ่งมีหน้าที่ในการรับเสียงและส่งข้อมูลไปยังสมอง การเสื่อมสภาพนี้เป็นกระบวนการธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถเร่งให้เกิดการสูญเสียการได้ยินได้ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก และการได้รับเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียการได้ยิน
สำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าสู่วัยชรา แต่มีปัญหาการได้ยินนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากการสัมผัสกับเสียงดังเกินไปเป็นเวลานาน เช่น การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังเกินมาตรฐาน เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานที่ก่อสร้าง นอกจากนี้ การฟังเพลงด้วยหูฟังในระดับเสียงที่สูงเกินไปก็เป็นปัจจัยที่พบได้บ่อยในคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินตั้งแต่อายุยังน้อย การฟังเสียงดังเกินกว่า 85 เดซิเบลเป็นระยะเวลานานจะทำให้เซลล์ขนในหูชั้นในเสียหายอย่างถาวร และไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินคือการติดเชื้อในหู การติดเชื้อเหล่านี้อาจทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อส่วนต่าง ๆ ของหู เช่น หูชั้นกลางหรือหูชั้นใน การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคหัดเยอรมัน ก็สามารถส่งผลกระทบต่อการได้ยินได้เช่นกัน หากการติดเชื้อนำไปสู่การเกิดการอักเสบที่หู
การป้องกันและรักษาการสูญเสียการได้ยิน
การป้องกันการสูญเสียการได้ยินเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังหรือผู้ที่อายุมากขึ้น วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการลดการสัมผัสกับเสียงดังโดยไม่จำเป็น การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียง เช่น ที่อุดหูหรือที่ครอบหูเมื่อทำงานในที่ที่มีเสียงดังเป็นเวลานานเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียการได้ยินได้ นอกจากนี้ การใช้หูฟังควรใช้ในระดับเสียงที่ปลอดภัย และไม่ควรใช้เป็นเวลานานเกินไป
สำหรับผู้สูงอายุ การตรวจสุขภาพการได้ยินอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อตรวจจับปัญหาการได้ยินตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และสามารถรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที การตรวจสุขภาพหูจะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินการสูญเสียการได้ยินและให้คำแนะนำในการจัดการกับปัญหาได้ เช่น การใช้เครื่องช่วยฟัง การฝึกฝนการใช้ทักษะการฟัง หรือการบำบัดอื่น ๆ ที่เหมาะสม
ในกรณีที่มีการสูญเสียการได้ยินอย่างรุนแรง การรักษาด้วยเครื่องช่วยฟังเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยม เครื่องช่วยฟังจะช่วยเพิ่มระดับเสียงให้ชัดเจนขึ้นสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงเบาหรือเสียงรบกวน อย่างไรก็ตาม การเลือกเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมและการปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การรักษาสุขภาพทั่วไปก็มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการสูญเสียการได้ยิน การรักษาระดับความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับหูชั้นใน เช่น โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียการได้ยินในผู้สูงอายุ
การจัดการกับผลกระทบทางจิตใจและสังคม
ผู้ที่ประสบปัญหาการสูญเสียการได้ยินไม่เพียงแต่ต้องการการรักษาทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังต้องการการสนับสนุนทางด้านจิตใจและสังคมด้วย การสูญเสียการได้ยินอาจทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวและไม่เข้าใจจากคนรอบข้าง ดังนั้น การสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนและเข้าใจถึงความยากลำบากที่ผู้ป่วยต้องเผชิญจะช่วยให้พวกเขารู้สึกมีความสุขและปรับตัวได้ดีขึ้น
การให้ความรู้กับคนในครอบครัวและเพื่อน ๆ เกี่ยวกับวิธีการสื่อสารกับผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน เช่น การพูดชัดเจน ใช้ภาษากายเพื่อช่วยในการสื่อสาร หรือการใช้เครื่องมือสื่อสารทางเลือก เช่น การเขียนข้อความ ก็จะช่วยลดความขัดแย้งและเพิ่มความเข้าใจในครอบครัวได้
ในปี 2560 นักวิทยาศาสตร์พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์อย่างเป็นเอกลักษณ์เพื่อฟื้นฟูการได้ยิน ชื่อว่า Octavis การทดสอบทางคลินิกมากมายได้ยืนยันประสิทธิภาพที่สูงของผลิตภัณฑ์ ต่อมาได้วางตลาดในประเทศไทยซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้ซื้อ ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมขององค์ประกอบที่มาจากพืชธรรมชาติซึ่งส่งเสริมฤทธิ์กันและเพิ่มการออกฤทธิ์ให้กันและกันได้เป็นอย่างดี สูตรที่ได้สิทธิบัตรนี้ไม่มีสูตรใดในโลกที่เปรียบเทียบได้ ผลิตภัณฑ์นี้มีความสามารถฟื้นฟูการทำงานของกระดูกในหูชั้นกลางในระดับเซลล์ Octavis กำจัดอย่างหมดจดและป้องกันการสะสมของขี้หูที่มากเกินไป เป็นวิธีเดียวที่จะแก้ไขปัญหาการได้ยินโดยปราศจากการผ่าตัด ซึ่งมีในประเทศเราเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์นี้มีจำนวนจำกัด สามารถหาซื้อได้ในผ่านเว็บไซต์ที่เป็นทางการ ในราคาที่ถือว่าสมเหตุสมผลมาก
