ในโลกของเรา มีสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือพยาธิ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเป็นปรสิต โดยอาศัยอยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ พยาธินั้นสามารถพบได้ในหลายส่วนของร่างกายมนุษย์และสัตว์ การเข้าใจถึงประเภทของพยาธิที่พบบ่อยตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พยาธิในระบบทางเดินอาหาร
หนึ่งในพยาธิที่พบบ่อยที่สุดในร่างกายมนุษย์คือพยาธิในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งสามารถพบได้ในกระเพาะอาหารและลำไส้ พยาธิในกลุ่มนี้มีหลายชนิด แต่ที่พบได้บ่อยและมีการศึกษามากที่สุดมีดังนี้
1. พยาธิไส้เดือน (Ascaris lumbricoides):
พยาธิไส้เดือนเป็นพยาธิชนิดหนึ่งที่พบได้มากในบริเวณลำไส้เล็กของมนุษย์ โดยส่วนใหญ่จะพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี พยาธินี้สามารถก่อให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย หรือท้องผูกได้ พยาธิไส้เดือนมีวงจรชีวิตที่ซับซ้อน โดยเริ่มจากการที่ไข่ของพยาธิถูกกลืนเข้าไปในร่างกาย จากนั้นไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนและผ่านทางกระแสเลือดไปยังปอด ก่อนจะเดินทางกลับสู่ลำไส้เล็กเพื่อเจริญเติบโตเต็มที่
2. พยาธิแส้ม้า (Trichuris trichiura):
พยาธิแส้ม้าเป็นพยาธิที่มีขนาดเล็กและมีรูปร่างคล้ายแส้ พบได้ในลำไส้ใหญ่ของมนุษย์ พยาธินี้สามารถก่อให้เกิดโรคท้องเสียเรื้อรังและการอักเสบของลำไส้ใหญ่ ในบางกรณี อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางเนื่องจากการสูญเสียเลือดผ่านทางลำไส้
3. พยาธิเส้นด้าย (Strongyloides stercoralis):
พยาธิเส้นด้ายเป็นพยาธิที่สามารถเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ในลำไส้ของมนุษย์ได้โดยไม่ต้องอาศัยโฮสต์กลาง วงจรชีวิตของพยาธิเส้นด้ายมีความซับซ้อนและสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อแบบซ้ำซ้อนในร่างกายมนุษย์ การติดเชื้อจากพยาธิเส้นด้ายอาจไม่แสดงอาการชัดเจน แต่ในบางกรณีอาจทำให้เกิดอาการท้องร่วงเรื้อรังและอาการคันที่บริเวณผิวหนัง
4. พยาธิปากขอ (Ancylostoma duodenale และ Necator americanus):
พยาธิปากขอเป็นพยาธิที่อาศัยอยู่ในลำไส้เล็กของมนุษย์ โดยพยาธินี้มีฟันเล็ก ๆ ที่สามารถกัดผนังลำไส้และดูดเลือดของโฮสต์ การติดเชื้อพยาธิปากขอสามารถทำให้เกิดอาการโลหิตจางและขาดธาตุเหล็กได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดอาการคันที่บริเวณผิวหนังเนื่องจากพยาธิที่เดินทางเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง
พยาธิในระบบทางเดินหายใจ
พยาธิในระบบทางเดินหายใจไม่พบได้บ่อยเท่ากับในระบบทางเดินอาหาร แต่ก็ยังมีพยาธิบางชนิดที่สามารถเข้าสู่ปอดและทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจได้ ตัวอย่างของพยาธิที่สามารถพบได้ในปอดมีดังนี้
1. พยาธิใบไม้ปอด (Paragonimus westermani):
พยาธิใบไม้ปอดเป็นพยาธิชนิดหนึ่งที่สามารถเข้าสู่ปอดของมนุษย์ผ่านทางการรับประทานอาหารที่ไม่สุก โดยเฉพาะปลาหรือปูดิบ เมื่อพยาธิเข้าสู่ร่างกาย พวกมันจะเจริญเติบโตในปอดและก่อให้เกิดอาการไอเรื้อรัง อาการเจ็บหน้าอก และอาจมีเสมหะที่มีเลือดปนออกมาได้ นอกจากนี้ ในบางกรณี พยาธิใบไม้ปอดอาจเดินทางไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น สมอง หรือกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ
2. พยาธิไส้เดือน (Ascaris lumbricoides):
นอกจากพยาธิไส้เดือนจะพบได้ในลำไส้แล้ว วงจรชีวิตของพยาธินี้ยังเกี่ยวข้องกับปอด โดยตัวอ่อนของพยาธิไส้เดือนจะเดินทางผ่านกระแสเลือดไปยังปอดและทำให้เกิดอาการไอเรื้อรังหรืออาการคล้ายปอดบวมได้
พยาธิในระบบประสาท
ระบบประสาทเป็นหนึ่งในระบบที่สำคัญที่สุดของร่างกายมนุษย์ และการติดเชื้อพยาธิในระบบนี้อาจก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงได้ โดยพยาธิที่สามารถเข้าสู่ระบบประสาทและทำให้เกิดโรคมีดังนี้
1. พยาธิตืดหมู (Taenia solium):
พยาธิตืดหมูเป็นพยาธิชนิดหนึ่งที่สามารถเข้าสู่ระบบประสาทผ่านการรับประทานเนื้อหมูดิบหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนไข่ของพยาธิ วงจรชีวิตของพยาธิตืดหมูเกี่ยวข้องกับสมองและระบบประสาท โดยตัวอ่อนของพยาธิสามารถเข้าไปฝังตัวในเนื้อเยื่อของสมองและทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า “neurocysticercosis” ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการชักและอาการทางระบบประสาทอื่น ๆ การติดเชื้อพยาธิตืดหมูในสมองอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและต้องการการรักษาที่เร่งด่วน
2. พยาธิ Angiostrongylus cantonensis:
พยาธิชนิดนี้เป็นพยาธิที่อาศัยอยู่ในสมองของหนู แต่สามารถติดเชื้อในมนุษย์ผ่านทางการรับประทานหอยหรืออาหารดิบที่ปนเปื้อนไข่ของพยาธิ เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ตัวอ่อนของพยาธิจะเดินทางไปยังระบบประสาทและทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง อาการชัก หรืออาการเสียวชา ในบางกรณี การติดเชื้ออาจทำให้เกิดภาวะสมองบวมและอาจเสียชีวิตได้
พยาธิในระบบผิวหนัง
นอกจากพยาธิที่พบได้ในระบบภายในของร่างกายแล้ว ยังมีพยาธิบางชนิดที่สามารถพบได้ในบริเวณผิวหนังของมนุษย์ โดยพยาธิในกลุ่มนี้มักจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังหรือการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อน ตัวอย่างของพยาธิที่พบได้ในระบบผิวหนังมีดังนี้
1. พยาธิปากขอ (Ancylostoma spp.):
นอกจากพยาธิปากขอจะพบได้ในลำไส้แล้ว ตัวอ่อนของพยาธิชนิดนี้ยังสามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านทางผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับดินที่ปนเปื้อน ตัวอ่อนของพยาธิปากขอจะเจาะผ่านผิวหนังและทำให้เกิดอาการคันและผื่นแดงที่เรียกว่า “larva migrans” หรือ “โรคพยาธิคลาน”
2. พยาธิพยาธิใบไม้ในเลือด (Schistosoma spp.):
พยาธิใบไม้ในเลือดเป็นพยาธิที่อาศัยอยู่ในหลอดเลือดของมนุษย์และสามารถทำให้เกิดโรค schistosomiasis ซึ่งเป็นโรคที่พบได้มากในเขตร้อนชื้น การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในเลือดสามารถทำให้เกิดอาการคันบริเวณผิวหนัง และเมื่อพยาธิเข้าสู่กระแสเลือด จะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย และภาวะอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
การป้องกันและรักษาโรคพยาธิ
การป้องกันการติดเชื้อพยาธิเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดและสุขอนามัยส่วนบุคคล รวมถึงการรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและดื่มน้ำที่สะอาด นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อน เช่น ดิน หรือแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด
สำหรับการรักษาโรคพยาธิ การใช้ยาฆ่าพยาธิที่ถูกต้องตามชนิดของพยาธิที่ติดเชื้อเป็นสิ่งสำคัญ การรักษาแบบเฉพาะทางโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้สามารถขจัดพยาธิออกจากร่างกายและป้องกันการกลับมาติดเชื้อซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
PARATINOL ช่วยฟื้นฟูระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายจากพยาธิ
ประเภท: แคปซูล
ประโยชน์:
- ช่วยให้การทำงานของลำไส้เป็นปกติ
- ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการใช้ยา
- มีฤทธิ์ระบายอ่อน ช่วยขับล้างสารพิษออกจากร่างกาย ยับยั้งเชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย
- ช่วยให้การทำงานของลำไส้เป็นปกติ ช่วยเพิ่มปริมาณอุจาระ และช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น
- ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลดอาการข้างเคียงที่เป็นผลมาจากอาหารไม่ย่อย
- ลดกลิ่นปากและทำความสะอาดระบบภายในของร่างกาย
- ลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้
- ลดอาการลำไส้แปรปรวน
- สารซัลโฟราเฟนในบร็อคโคลี่ เป็นตัวช่วยทำให้ตับขับสารพิษในร่างกาย
- ลดอาการตับอับเสบ ลดไขมันพอกตับ
ส่วนประกอบ Paratinol:
- Kiwi Powder (Actazin) ผงกีวี่สีเขียว : ผลิตจากส่วนผสมพิเศษของผลกีวีสีเขียว ที่มีคุณสมบัติช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร มีสารสาคัญ คือ Polyphenol และ เอนไซม์แอคทินิดิน มีคุณสมบัติเป็น Enzyme ช่วยย่อยโปรตีนในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กได้ อีกทั้งยังเป็น Prebiotic ที่ช่วยเสริมการทำงานของ แบคทีเรียชนิดดี อันได้แก่ Bifidobacteria และ Lactobacillus ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ไม่ส่งผลต่อการเติบโตของแบคทีเรียชนิดทีมีอันตรายต่อร่างกาย สามารถลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย และยังมี Polyphenolช่วยต้านอนุมูลอิสระ ระงับการอักเสบ
- Artichoke Extract(Altilix) สารสกัดอาร์ติโชค : คือสารสกัดมาจากใบอาร์ติโชค โดย ได้คัดสรรเลือกพันธ์ที่มีความจำเพาะเจาะจง ทนต่อสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง เพื่อให้ได้สาร BIOPHENOL ที่มีความเข้มข้นสูงสุด ซึ่งจะมีคุณสมบัติในกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระในตับ ช่วยป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลาย จาก CCL4 คาร์บอนเตตระคลอไรด์ ซึ่งเป็นสารที่มีความเป็นพิษในตับสูง สารสกัดจากใบอาร์ติโชค ยับยั้งOxidative stress โดยประกอบด้วยสารที่สำคัญ เช่น Cynarine chlorogenic acid และluteolin ที่จะช่วยการต้านอนุมูลอิสระอย่างมีประสิทธภาพ กระตุ้นการหลั่งนํ้าดีเสริมสร้างการทำงานของตับ เพิ่มการหลั่งนํ้าดีมากขึ้นถึง 50% ลดอาการตับอับเสบ ลดไขมันพอกตับ ลดอาการลำไส้แปรปรวน ลดอาการข้างเคียงที่เป็นผลมาจากอาหารไม่ย่อย
- Broccori Powder ผงบร็อคโคลี : สารซัลโฟราเฟนสามารถช่วยป้องกันการทำลายของหลอดเลือดที่เกิดจากโรคเบาหวานได้มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ทำให้หลอดเลือดแข็งแรงยิ่งขึ้น สารซัลโฟราเฟนในบร็อคโคลี่ เป็นตัวช่วยทำให้ตับขับสารพิษในร่างกาย ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคท้องผูก
- Resistant Maltodextrin : เส้นใยอาหารชนิดละลายนํ้าผลิตจากแป้งข้าวโพด ซึ่งร่างกายย่อยสลายและดูดซึมได้น้อย จัดเป็นอาหารของแบคทีเรียสุขภาพที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ มีประโยชน์ต่อสุขภาพคือ ช่วยให้การทำงานของลำไส้เป็นปกติ ช่วยเพิ่มปริมาณอุจาระ และช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น มีคุณสมบัติเป็น Prebiotic ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และลดการสร้าง LDL ช่วยลดระดับนํ้าตาลในเลือด ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเบาหวาน
ปริมาณการทาน: (สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น) ทานครั้งละ 1 เม็ด ทุกวัน (เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน)
ปริมาณบรรจุ: 20 แคปซูล
บทสรุป
พยาธิเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์และก่อให้เกิดโรคที่หลากหลายได้ พยาธิที่พบบ่อยที่สุดในร่างกายมนุษย์มีอยู่หลายชนิด ซึ่งสามารถพบได้ในระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ ระบบประสาท และผิวหนัง การทำความเข้าใจถึงลักษณะและวงจรชีวิตของพยาธิเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับพยาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ