ปวดกระดูกและข้อ: สัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรละเลย

โรคกระดูกและข้อต่อในวัยหนุ่มสาว: สาเหตุ อาการ และวิธีป้องกัน

อาการปวดกระดูกและข้อต่อไม่ได้เป็นปัญหาที่พบบ่อยแค่เฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ในปัจจุบันพบมากขึ้นในกลุ่มคนหนุ่มสาวด้วย สาเหตุอาจมาจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ การนั่งทำงานในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง และยังเป็นสัญญาณเตือนของโรคกระดูกและข้อต่อร้ายแรง หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาทันเวลา อาจทำให้เกิดความพิการถาวร

ในชีวิตปัจจุบัน การนั่งนาน ๆ ไม่ค่อยขยับร่างกาย และการนั่งผิดท่าซ้ำ ๆ เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดโรคกระดูกและข้อต่อบ่อยขึ้นในคนหนุ่มสาว อาการแรกเริ่มที่พบมักจะมีอาการปวดคอ บ่า หลัง ส้นเท้า และข้อต่ออื่น ๆ หากปล่อยไว้ไม่รักษาอย่างถูกวิธี อาจทำให้เกิดโรคร้ายแรงขึ้น เช่น:

2.1 โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis)

โรคข้อเสื่อมเป็นภาวะพบบ่อยในข้อต่อโดยเฉพาะหัวเข่า ทำให้กระดูกอ่อนและกระดูกใต้กระดูกอ่อนเสียหายจนเกิดการอักเสบและบวม น้ำหล่อเลี้ยงข้อลดลง เมื่อเข่าเสื่อม กระดูกผิดรูป เบียดเข้าด้านใน ทำให้ปลายกระดูกเสียดสีกันจนปวดมากเวลาขยับ

อาการปวดจากโรคข้อเสื่อมมักจะแย่ลงเวลาใช้งานข้อมากขึ้นและเวลาอากาศเปลี่ยน และมักตึงข้อตอนเช้าหลังตื่นนอน แต่หลังขยับสักพักอาการตึงข้อลดลง หากปล่อยไว้นาน โรคจะทำให้การเคลื่อนไหวติดขัดจนข้อผิดรูป และอาจถึงขั้นพิการได้

2.2 โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ทำให้ข้อต่ออักเสบเรื้อรัง ทั้งข้อมือและนิ้วมือบวม ปวด และตึงข้อตอนเช้ามากกว่า 1 ชั่วโมง จนทำกิจกรรมประจำวันลำบาก หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา อาจทำให้ข้อต่อเสียหายและผิดรูปถาวร สูญเสียความสามารถในการทำงาน และอาจทุพพลภาพ

2.3 โรคเกาต์ (Gout) ในวัยหนุ่มสาว

โรคเกาต์มักเกิดจากวิถีชีวิตสมัยใหม่และการกินอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และดื่มแอลกอฮอล์บ่อย จนทำให้เกิดการสะสมผลึกกรดยูริกในข้อต่อ อาการปวดรุนแรงมักเกิดขึ้นที่นิ้วโป้งเท้า ข้อเท้า และข้อมือ และมักมีอาการบวมแดง ร้อน และอาจมีไข้สูง เมื่อโรคเรื้อรังจะเกิดก้อนโทฟัส (Tophi) และทำให้ข้อต่อผิดรูป

2.4 โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)

โรคกระดูกพรุนพบมากในผู้สูงอายุ ทำให้กระดูกเปราะและหักง่าย ผู้ป่วยมักมีอาการปวดหลัง และหลังค่อมลง อาจมีอาการตึงของกล้ามเนื้อตามแนวกระดูกสันหลัง และรู้สึกเจ็บปวดเวลาขยับตัว

หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อต่อเพื่อรับการตรวจเลือด เช่น การตรวจค่า CRP, RF, Anti-CCP, กรดยูริก, รวมถึงการเอกซเรย์ข้อต่อ และการวัดมวลกระดูก แพทย์จะช่วยวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม และให้คำแนะนำในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคข้อต่อในอนาคต