พฤติกรรมที่ควรหยุดทำ ถ้าอยากมี “ผิวสวย”

Everlift

ผิวหน้าที่สวยใสมาจากการดูแลและการปรนนิบัติผิวอย่างถูกวิธี หลายๆ ครั้งที่เราไม่รู้สาเหตุและที่มาของปัญหาผิวที่เรากำลังเผชิญอยู่ เพราะพฤติกรรมบางอย่างที่อาจดูไม่น่าจะเกี่ยวข้อง แต่กลับส่งผลเสียต่อผิวพรรณได้มากกว่าที่เราคิด ลองมาดูกันว่าการจะมีผิวสุขภาพดีได้นั้น เราควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมอะไรกันบ้าง

1. พักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนน้อยทำให้ค่า pH Balance ของผิวต่ำลง ส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส ความเปล่งปลั่งตามธรรมชาติก็จะหายไป เพราะกลไกของร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอระหว่างที่เรานอนหลับ นั่นรวมถึงสกินเซลล์ด้วย ที่ใครๆ เค้าพูดกันว่า Beauty Sleep นั้นไม่เกินความเป็นจริงเลย ถ้าทำได้ Lady MIRROR ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง ใครที่ติดซีรีส์เกาหลี ก็อาจจะต้องเพลาๆ ลงบ้างเพื่อให้ผิวหน้าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

2. เลือกอาหารช่วยต้านแสงแดด

แสงแดดและอากาศร้อนในบ้านเราผลกระทบโดยตรงต่อผิวหนังไม่ว่าจะปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวแดง ผิวแสบไหม้ หรือปัญหาใหญ่อย่างมะเร็งผิวหนัง นอกจากการทาครีมกันแดดป้องกันแล้วคุณควรเสริมด้วยอาหารที่มีสารไลโคปีน เบต้าแคโรทีน และกรดอะมิโน ซึ่งพบมากในมะเขือเทศและฟักข้าว ที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันผิวไหม้จากแสงแดด ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื่น และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

3. ลดความเครียด

ความเครียด ความกังวล สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำลายจิตใจเราแล้วยังส่งผลเสียต่อผิวของเราได้เช่นกัน เพราะเมื่อร่างกายเกิดความเครียดหรืออารมณ์เสียเมื่อไรจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดชื่อว่า “คอร์ติซอล” ออกมาทำให้ไขมันทำงานหนักมากขึ้น ผลที่ตามมาคือมีผิวมันเกิดสิวทั่วใบหน้าและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย มากไปกว่านั้นอาจกลายผื่นแดงมีอาการคันและเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่น ๆ ได้ง่าย ดังนั้นจึงควรพยายามมองโลกในแง่บวก ทำจิตใจให้แจ่มใส และหาวิธีคลายเครียด เช่น การออกกำลังกาย การนั่งสมาธิ ฝึกลมหายใจ เป็นต้น ที่สำคัญคือ พักผ่อนให้เพียงพอ

4. ออกกำลังกายช่วยกระชับผิว

การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษขนานจริง นอกจากร่างกายแข็งแรงได้รูปร่างที่เข้าที่แล้วยังช่วยให้ออกซิเจนในร่างกายหมุนเวียนดี ทำให้ผิวเปล่งปลั่งขึ้น คุณอาจจะเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการวิ่งสลับเดิน เริ่มจากวอร์มอัพ 5 นาที จากนั้นลองเดินหรือวิ่งสลับหนักเบาเป็นช่วง ๆ เช่น วิ่งค่อนข้างเร็วสัก 30 นาที สลับกับเดินช้า 3 – 4 นาที ทำวันละ 45 – 60 นาที อย่างน้อย 5 – 6 สัปดาห์ สิ่งสำคัญคือการออกกำลังกายควรทำแต่พอดีและสม่ำเสมอ อย่าหักโหมหรือไม่พักร่างกาย เพราะจะทำให้คุณดูทรุดโทรม ระบบย่อยอาหารรวนอันเป็นสาเหตุของร่างกายและผิวพรรณไม่สดใสในระยะยาว

5. บีบสิว

มีใครที่เห็นสิวบนใบหน้าแล้วอดใจไม่ไหว ต้องบีบให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยบ้างมั้ยเอ่ย MIRROR เชื่อว่ามีหลายคนยกมืออย่างแน่นอน แต่อยากจะแนะนำคุณสาวๆ ว่าการบีบสิวทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่กว่าจะจางหายไปเองนั้น ช่างยากเสียเหลือเกิน บางรายถึงขั้นต้องไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษารอยแผลเป็น ซึ่งก็เป็นการสิ้นเปลืองและใช้เวลานานเช่นกัน เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปที่เห็นสิวผุดขึ้นมา พยายามคิดไว้ว่า ถ้าเราไม่ยุ่งกับมัน อีกไม่กี่วันมันก็จะค่อยๆ ยุบไปเอง แต่ถ้าใจร้อนไปบีบมัน แผลเป็นจากรอยสิวจะอยู่กับคุณไปอีกนานเลยเชียว (ไอเทมปราบสิว เครียดแค่ไหนก็เอาอยู่!)

บีบสิว

6. งด ละ เลิกแอลกอฮอล์และบุหรี่

เพราะเป็นสิ่งที่เพิ่มความหมองให้แก่ผิวเพราะแอลกอฮอล์ บุหรี่หรือสารเสพติดอื่น ๆ จะไปทำให้เส้นเลือดตีบตัน เลือดไหลเวียนไม่สะดวกและไปทำลายอิลาสตินกับคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณซีดเซียวและแห้ง ยิ่งไปกว่านั้นคือร่างกายขาดวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงเกิดการบาดเจ็บต่อผิวได้ง่าย เกิดรอยย่นตามหน้าผากและรอยตีนกาบริเวณรอบดวงตาซึ่งจะพบมากในผู้ที่สูบบุหรี่จัด

7. ใช้สกินแคร์หลายชนิดเกินไป

แม้ว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลความงามบนใบหน้าจะทำให้เรารู้สึกดีและสวยขึ้น แต่อะไรที่มากเกินพอดีก็อาจเป็นอันตรายกับผิวหน้าได้เช่นกัน การพอกสกินแคร์หลายๆ ชั้นอาจทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง และเราเองก็จะไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าอาการผิดปกตินั้นเกิดจากสกินแคร์ตัวไหนด้วย เนื่องจากเราใช้หลายตัวพร้อมๆ กัน MIRROR ว่าน่าจะดีกว่าถ้าเราลองเลือกผลิตภัณฑ์สัก 3-5 ชนิดที่ชอบและคิดว่าใช้แล้วเห็นผลจริงๆ จะได้ไม่ต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา แถมยังช่วยลดโอกาสการเกิดอาการแพ้ต่างๆ ได้อีกด้วย

8. ใช้สกินแคร์หลายชนิดเกินไป

แม้ว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลความงามบนใบหน้าจะทำให้เรารู้สึกดีและสวยขึ้น แต่อะไรที่มากเกินพอดีก็อาจเป็นอันตรายกับผิวหน้าได้เช่นกัน การพอกสกินแคร์หลายๆ ชั้นอาจทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง และเราเองก็จะไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าอาการผิดปกตินั้นเกิดจากสกินแคร์ตัวไหนด้วย เนื่องจากเราใช้หลายตัวพร้อมๆ กัน MIRROR ว่าน่าจะดีกว่าถ้าเราลองเลือกผลิตภัณฑ์สัก 3-5 ชนิดที่ชอบและคิดว่าใช้แล้วเห็นผลจริงๆ จะได้ไม่ต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา แถมยังช่วยลดโอกาสการเกิดอาการแพ้ต่างๆ ได้อีกด้วย

9. ทานอาหารเสริมบำรุงผิว

การทานอาหารเสริมในรูปแบบต่าง ๆ ถือเป็นตัวช่วยที่ดี เช่น วิตามินซี เป็นส่วนสำคัญต่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ วิตามินอีมีส่วนช่วยปกป้องเซลล์ผิว จากอนุมูลอิสระ ช่วยยืดอายุผิวให้ความชุ่มชื้น หรืออีกวิธีคือการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งจะให้คำแนะนำพร้อมเช็กสภาพร่างกายว่า คุณขาดวิตามินหรือสารอาหารชนิดใดเพื่อสามารถเสริมส่วนที่ขาดให้ผิวและร่างกายคงความแข็งแรงได้ในระยะยาว

ทานอาหารเสริมบำรุงผิว

10. ดื่มน้ำน้อย

ร่างกายคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 2 ใน 3 ส่วน ไม่เว้นแม้แต่ผิวหน้าที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบราวๆ 35% น้ำที่เราดื่มจึงส่งผลโดยตรงกับความชุ่มชื้นของผิวและเซลล์ผิว หากดื่มน้ำไม่เพียงพอ ผิวจะขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน ไม่อิ่มน้ำ และเกิดริ้วรอยในที่สุด สาวๆ รู้แบบนี้แล้วก็ควรหมั่นดื่มน้ำให้มากๆ โดยค่าเฉลี่ยสำหรับผู้หญิง ควรดื่มน้ำให้ได้ 2.2 ลิตรต่อวันหรือประมาณ 9 แก้วนะจ๊ะ

ความงามคุ้มค่าสำหรับการต่อสู้! เห็นด้วยไหม? โดยด่วนเพื่อผิวหน้าที่สวยใส เปล่งปลั่งและดูอ่อนกว่าวัย